• ประหยัดน้ำในช่วงเวลาที่ใช้ห้องน้ำ ด้วยการ ไม่เปิดน้ำทิ้งไว้ขณะแปรงฟัน ปิดฝักบัวทุกครั้งขณะถูสบู่หรือสระผม และไม่กดชักโครกบ่อยเกินไป
• ติดตั้งหัวก๊อกน้ำแบบประหยัดน้ำ
• เวลาล้างผักหรือผลไม้ ควรหาภาชนะมารองน้ำ แทนการล้างจากก๊อกน้ำโดยตรง 
• ไม่ควรเปิดน้ำทิ้งไว้ขณะล้างจานถ้าไม่จำเป็น หรือเปิดน้ำเพื่อละลายอาหารแช่แข็ง
• รดน้ำต้นไม้ด้วยฝักบัวรดน้ำ และรดในช่วงเย็นที่อากาศไม่ร้อน เพื่อที่น้ำจะได้ไม่ระเหยอย่างรวดเร็ว
• ถ้าซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า ให้ซักครั้งละมาก ๆ เพื่อจะได้ใช้น้ำได้อย่างคุ้มค่า

• ไม่เปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้ ตอนกำลังแปรงฟัน หรือโกนหนวด แต่ใช้แก้วน้ำรองน้ำไว้แทน
• ใช้เวลาอาบน้ำให้น้อยลงกว่าที่เคยเป็นซักหน่อย เพราะการอาบน้ำด้วยฝักบัวจะใช้น้ำประมาณ 7 ถึง 10 ลิตรต่อ 1 นาที

• ปิดฝักบัวทุกครั้งเวลาถูสบู่หรือใช้แชมพูสระผม เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็ช่วยเราประหยัดน้ำได้เหมือนกัน
• ไม่กดชักโครกบ่อยเกินไปโดยที่ไม่จำเป็น เพราะโดยเฉลี่ยการกดชักโครกแต่ละครั้งใช้ปริมาณน้ำถึง 7 ลิตร

• ติดตั้งหัวก๊อกน้ำแบบประหยัดน้ำ หรือไหลเอื่อย (Low-flow) เพื่อลดปริมาณการไหลของน้ำให้น้อยลง
• ไม่เปิดน้ำทิ้งไว้ขณะล้างจานถ้าไม่จำเป็น ยกเว้นการล้างคราบอาหารที่ล้างออกยากจริง ๆ ถ้าเป็นไปได้ให้รองน้ำไว้ในภาชนะแล้วค่อยเอาจานไปล้างในนั้น เพราะวิธีนี้จะทำให้เราประหยัดน้ำได้มากกว่า
• อย่าใช้น้ำยาล้างจานมากเกินไป เพราะยิ่งน้ำยาล้างจานมีความเข้มข้นมาก เรายิ่งต้องใช้ปริมาณน้ำมากขึ้นในการล้างจานให้สะอาดหมดจด
• อย่าเปิดน้ำล้างเพื่อละลายอาหารแช่แข็ง
• หาภาชนะมารองน้ำทุกครั้งเวลาล้างผักหรือผลไม้ ไม่ควรล้างจากก๊อกน้ำโดยตรงเพราะจะเปลืองน้ำมากกว่า และน้ำที่เหลือยังเก็บไว้ใช้ล้างจานได้อีก

• เปลี่ยนช่วงเวลารดน้ำต้นไม้ตอนเช้ามาเป็นช่วงเย็นที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า เพราะจะทำให้ไม่ระเหยเร็วเกินไป
• ใช้ฝักบัวรดน้ำแทนสายยางฉีด
• ถ้าใช้เครื่องซักผ้า ให้ซักผ้าครั้งละมาก ๆ ในคราวเดียวกัน เพราะถ้าเราซักผ้าแค่ไม่กี่ชิ้นเครื่องซักผ้าก็จะใช้ปริมาณน้ำที่เท่ากันในแต่ละครั้งอยู่ดี

ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://blog.jobthai.com/